เป็นแอร์สิงคโปร์ดีไหม? (5)


ดำเนินมาถึงหัวข้อสุดท้ายสำหรับคำถามที่ว่า เป็นแอร์สิงคโปร์ดีไหม? หัวข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวพันอีรุงตุงนังอยู่กับชีวิตการเป็นแอร์ของเราๆกว่า 70% ไม่พูดถึงคงไม่ได้

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ ไปดี ไม่ไปดี ขอให้อ่านตรงนี้ก่อนจ้า


4. การทำงานและเพื่อนร่วมงาน

การทำงาน
ระบบการทำงานส่วนใหญ่ของสายการบินแถบเอเชียจะเน้นความสำคัญด้าน seniority ที่นี่ก็เช่นกัน ในสายงานลูกเรือของสิงคโปร์แอร์ไลนส์นั้นจะมีการแบ่งระดับขั้นเป็น 4 ระดับ (ดูได้จากสีชุด) ได้แก่


1. แอร์ชุดน้ำเงิน (Flight Stewardess/Steward) เป็นสมาชิกขั้นเริ่มต้น เทรนผ่านปุปทุกคนก็จะได้สถานะนี้ไปโดยปริยาย เป็นน้องเล็กบนเครื่องบินลำโต โดยแอร์ชุดน้ำเงินก็สามารถแบ่ง ออกได้อีก 2 ขั้นคือ
a.       ชุดน้ำเงินประสบการณ์ 0 1.5 ปี จะประจำการ ณ เคบินอีโคโนมี่คลาส
b.       ชุดน้ำเงินประสบการณ์ 1.5 ปีขึ้นไป จะประจำการ ณ เคบินอีโคโนมี่คลาส และ บิสซิเนสคลาส

2. แอร์ชุดเขียว (Leading Stewardess/Steward) เป็นขั้นกว่าของแอร์ชุดน้ำเงิน หรือเรียกอีกอย่างว่าหัวหน้าในชั้นอีโคโนมี่ มักจะประจำการหนึ่งคนต่อหนึ่งแกลลีอีโคฯ คอยควบคุมดูแลน้องน้ำเงินและผู้โดยสารในโซนนั้นๆ

3. แอร์ชุดแดง (Chief Stewardess/Steward) เป็นขั้นกว่าของแอร์ชุดเขียว เป็นหัวหน้าประจำชั้นบิสซิเนสหรืออีโคโนมี แล้วแต่กรณีไป

4. แอร์ชุดม่วง (In flight Supervisor) เป็นขั้นสุดของแต่ละไฟลท์ มีตำแหน่งใหญ่รองมาจากนักบิน ประจำการชั้นเฟิร์สคลาส (หรือบิสซิเนสกรณีที่เครื่องบินลำนั้นๆไม่มีชั้นเฟิร์สคลาส) และคอยดูแลลูกเรือทั้งหมดในไฟลท์นั้น 


ดังนั้นเวลาทำงานจริง เราต้องรายงานการทำงานของเรา สถานการณ์ หรือ ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นทอดๆตามลำดับขั้น ไม่ควรข้ามหน้าข้ามตา ถ้าปัญหานั้นง่ายๆคลี่คลายได้ด้วยตัวเองก็จัดการเองก่อน ถ้าไม่ได้ก็รายงานเขียว เขียวจัดการได้ก็จบ แต่หากเขียวจัดการไม่ได้ก็ส่งต่อไปแดง ถ้าแดงยังจัดการไม่ได้ ก็ส่งต่อม่วง ม่วงไม่ได้ก็ส่งต่อนักบิน ประมาณนี้

เมื่อระบบเป็นเยี่ยงนี้ ก็คงพอนึกภาพออกว่าการทำงานคงไม่ง่ายนัก เนื่องจากเรามีคนเยอะ มีหัวหน้าหลายคน เพื่อนร่วมงานก็ต่างชาติต่างวัฒนธรรม แต่ละไฟลท์ก็เปลี่ยนคนใหม่หมด ดังนั้นการปรับตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องรู้จักวิธีเอาตัวรอด

หลักๆเลยคือต้องรู้หน้าที่ของตัวเองก่อน รู้ว่าต้องทำอะไร รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองให้ดี ทำให้ถูกต้องตามที่เทรนมาก่อน ดูเชิงก่อนว่าหัวหน้าคนนี้เป็นอย่างไร uptight หรือ relaxed แล้วค่อยปรับการทำงานไปทีละนิดให้เข้ากับคนนั้นๆ แบบนี้ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ เมื่อเราทำหน้าที่ได้ดี ก็ไม่ค่อยมีใครมายุ่งมาจุกจิกหรอกค่ะ อาจจะมีช่วงแรกที่ติดโปร เราจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นลูกเรือไทยด้วยแล้ว เขาก็ให้ความอบอุ่นค่ะ (บางทีก็อุ่นจนร้อนนนน)

ที่นี่ไม่นิยมคนชอบเถียงและก้าวร้าวนะคะ ชอบให้ลูกเรือเชื่อฟัง เสนอไอเดียได้แต่ต้องรู้จังหวะ รู้สถานการณ์ หากทำอะไรผิดและโดนตักเตือน ให้สำนึกผิดค่ะ ไม่ควรแย้ง ไม่ควรหาข้ออ้างแก้ตัว แต่หากว่าเราไม่ผิดจริงให้เซย์ซอรี่ก่อน แล้วหาจังหวะอธิบายปรับความเข้าใจ ประมาณนี้ หรืออาจจะมีวิธีรับมือแบบอื่นที่ดีกว่า ก็แล้วแต่บุคคลจ้า


การรายงานการทำงานสำหรับที่นี่สำคัญมาก เรียกภายในกันว่ารีพอร์ท คือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องรีพอร์ทหัวหน้าตลอด เป็นการอัพเดตให้รู้ว่า เออ อันนี้ทำแล้วนะ หัวหน้าจะได้ไม่ต้องกังวล แถมเราจะได้เซฟตัวเองไปด้วย เช่น ตรวจอุปกรณ์เซฟตี้แล้วค่ะ! เช็คเคบินแล้วค่ะ! เก็บแกลลี่แล้วค่ะ! ทำความสะอาดห้องน้ำแล้วค่ะ! เสิร์ฟผู้โดย32Aแล้วนะคะ! เป็นต้น

อีกอย่างที่สำคัญคือคุณภาพการบริการของเรา เนื่องด้วยสิงโปแอร์เป็นสายการบินห้าดาว ชื่อเสียงเลื่องลือมายาวนาน ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก (ตอนเทรนก็เทรนเฉพาะเรื่องการบริการถึง 2 เดือนเต็ม) การเสิร์ฟแต่ละอย่างมีขั้นตอนหมด จะมาไก่ก่าเสิร์ฟตามใจฉันไม่ได้ เช่น เรื่องง่ายๆอย่างการเสิร์ฟกาแฟ แอร์ทุกคนต้องรู้ว่ากาแฟใช้ถ้วยอะไร เสิร์ฟกับที่รองถ้วยมีทิชชู่รองพร้อมนมน้ำตาลและช้อนนะ แล้วอะไรวางตรงไหน หูถ้วยหันกี่องศา ใช้ถาดอะไรเดินออกไปเสิร์ฟ มือไหนหยิบวาง ควรพูดอะไรกับผู้โดยสาร เหล่านี้ต้องจำขึ้นใจ นี่คือแค่สำหรับชั้นอีโคโนมี่คลาสทั่วไปนะคะ ถ้าบิสซิเนสก็อีกมากกกมายย

ดังนั้น ใครคิดจะมาบินเล่นๆไปวันๆ คิดอีกทีค่ะ มีการสุ่มตรวจการทำงานของเรา ทุก 2-3 เดือน โดยเราจะไม่รู้ตัว ทำงานจบหัวหน้าถึงยื่นใบประเมินมาบอกว่า เออ วันนี้ยู ON CHECK นะ แล้วก็ให้เราดูที่เขาประเมินและคอมเม้นเรา มีอะไรตรงไหนข้องใจไหม ไม่มีก็เซ็นรับทราบ จบ


เพื่อนร่วมงาน

เป็นเหมือนทุกที่ค่ะ มีดีมีแย่ แล้วแต่เวรแต่กรรม ลูกเรือแปดพันคน คงจะให้ดีหมดเป็นไปไม่ได้ บางทีเจอดีก็ดีใจหาย หัวหน้างี้เห็นอกเห็นใจ น่ารักช่วยเหลือ คราวจะซวยก็เจอแบบไม่กระดิกมือทำงานเลยก็มี

เพราะฉะนั้น จิตใจสำคัญค่ะ ควรรู้จักรับมือกับคนหลากหลายประเภท ตอนไปบินใหม่ๆก็มีซึมมีเซ็งเหมือนกัน ทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ทำไมแม่งพูดกันเร็วงี้ แต่เวลาและการปรับตัวจะทำให้เราแกร่งค่ะ

โชคดีที่ส่วนมากเจอคนโอเคค่ะ คือน่ารัก เข้ากันได้ ไปกินข้าว outstation แล้วไม่อึดอัดลำบากใจ ยิ่งเวลาไปบินแล้วเจอคนไทยด้วยกันนะ สวรรค์ค่ะ สังคมแอร์ไทยที่นี่ปรองดองกันดีนะคะ เหมือนเราเป็นชนกลุ่มน้อย ถ้าเจอกันบนไฟลท์ทีก็มักจะช่วยเหลือกัน ดูแลกันค่ะ เม้ามอยกันภาษาไทยแบบแอบๆเหมือนคนเก็บกด เพราะจะโดนหัวหน้าด่าเวลาไม่พูดภาษาปะกิด (ยังไม่เคยเจอคนไทยด้วยกันที่แย่ๆนะ คงมีแหละ แต่เราไม่เจอ)

นอกเหนือจากนั้น ไฟลท์นึงจะมีคนสิงคโปร์สัก 70% ที่เหลือก็ชาติอื่น เช่น ไทย อินโด มาเล ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน อยู่ที่เราล้วนๆค่ะ ว่าจะปรับตัวกับเพื่อนร่วมงานยังไง ทัศนคติสำคัญมากจริงๆ


ร่ายมายึดยาว ก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดี แล้วทำไม๊มึงออกคะ 555555

คือจริงๆตอนบินก็บ่นแหละ ปัญหานู่นนี่ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กน้อยด้อยปัญญา แทนทีจะปล่อยวางโฟกัสแต่เรื่องดีๆ กลับจมอยู่กับเรื่องจุกจิก อีกทั้งมีความเหงา ความคิดถึงบ้าน เลยเป็นตัวการพลักดันให้ออก

ถามว่าเสียใจไหมที่ออก ไม่เสียใจนะ แต่เสียดายโอกาส คิดว่าจริงๆน่าจะอยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อย เก็บเงินต่อ 55555

พูดถึงเรื่องโอกาส ต้องขอบคุณสิงโปแอร์มาก คือได้โอกาสดีๆจากที่นี่เยอะจริงๆ ถ้าไม่นับเรื่องเงินทองท่องเที่ยว คือได้ประสบการณ์แน่นมาก โตขึ้นเยอะ ได้ความเป็นลูกเรือห้าดาว มาตรฐานการทำงานแบบเวิร์ลคลาสที่ได้ติดตัวมามันคือดี ไปไหนไม่อายใคร มีความภูมิใจครั้งหนึ่งได้เป็น สาวสิงโป (Singapore Girl)




ทิ้งท้ายด้วยวีดีโอล่อลวงสาวๆ ที่ได้ผลชะงัดมานักต่อนักแล้ว
ไปจ้า ไปเป็นแอร์...


Comments

Popular Posts