จีน ณ จุดๆนี้

 

ส้วมซึม แซงคิว เสียงดัง ขากถุย และความสกปรก คือตัวอย่างคำที่คิดออกเวลาพูดถึงเมืองจีน

ทั้งๆที่ปัจจุบันนี้จีนพัฒนาไปไกลมากแล้ว บ้านเมืองเขาสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ถนนหนทางกว้างขวางดูเป็นระเบียบ มีการจัดการทางคนเดินทางจักรยานที่ดูมีประสิทธิภาพ แถมยังปลูกต้นไม้เขียวชะอุ่มไปทั้งเมือง 

เราว่าจีนเป็นประเทศที่น่าทึ่งมาก เขาทำได้อย่างไร จากการเป็นพี่จีนที่คนทั่วโลกตราหน้าว่าสกปรก ไม่เป็นระเบียบ ไม่รู้จักมารยาท แต่กลับสามารถจัดการคนในประเทศให้อยู่ในกรอบ ช่วยกันรักษาความสะอาดได้ขนาดนี้ แล้วตัวเราที่ชอบดูถูกเขาล่ะ ทำได้อย่างเขาหรือยังจ้ะ 


อาจจะด้วยสื่อต่างๆที่ประโคมล้างสมองเราชาวเนตผู้ถนัดเสพแล้วแชร์แต่ไม่รู้เรื่องจริง ทำให้เรามองประเทศจีนว่ายังคงไม่น่าพิสมัย 

อย่าปล่อยให้ความไม่รู้ของเรานำไปสู่ความเชื่อที่ผิดๆ อยากให้เธอลองเปิดใจ แล้วมองพี่จีนในมุมใหม่อย่างที่ไม่เคยมองมาก่อน (ดิฉันไม่ได้ค่าโฆษณาจากกรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนแต่อย่างใด)

เออ คือคนจีนก็เสียดังจริงแหละ ห้องน้ำก็ยังไม่ได้สะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้เรไร ต่างจังหวัดก็ยังเดินทางลำบากทุลักทุเล แต่เรื่องความเป็นสัดเป็นส่วน ความเป็นระบบของเมืองต้องบอกว่าน่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆอย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เดี๋ยวนี้กำลังก้าวล้ำนำสมัยมาก 

ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวา ก็เจอแต่ต้นไม้

นี่ต้นไม้

นี่ก็ต้นไม้

นี่ก็ต้นไม้อีก

รับรู้ได้ถึงความตั้งใจจะเป็นป่าในเมืองที่แท้จริง

ส่วนนี่คือทางรถจักรยานและทางคนเดินในเซี่ยงไฮ้ที่กล่าวไว้แต่ต้น ดูสวยงามน่าใช้ยิ่งนัก



แถมยังมีพี่ตำรวจจราจรที่ไม่รู้แอบอยู่มุมไหนของสวนคอยโผล่มาฉ้งเฉ้งสั่งสอนจักรยานที่ขี่สวนทางเลนมาอย่างแข็งขัน

และตามข้างทางยังมีตู้ห้องน้ำสาธารณะแทรกไว้ให้ใช้บริการได้อย่างเบิกบานใจอีกตางหาก ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาห้างร้านเวลาฉุกเฉินแต่อย่างใด

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือสถานที่ท่องเที่ยวดังๆอย่างกำแพงเมืองจีนที่ปักกิ่งมีการจัดระบบการเข้าคิวขึ้นรถshuttle bus และกระเช้าลอยฟ้าที่ดีงามมาก เขามีการทำราวกั้นแบ่งแถวชัดเจน มีคนดูแลคอยบอกทาง สะดวกสะบาย พนักงานก็พูดอังกฤษรู้เรื่อง (อาจจะมีกระโชกโฮกฮากบ้างก็ตามประสาพี่จีนเขา คือพี่แกพูด I beg your pardon ซึ่งแม่งควรเป็นคำที่สุภาพอ่อนโยนให้ฟังเหมือนกำลังด่าเราได้) 


ทุกสิ่งจึงสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน ไม่เจอการแซงคิวเลย (ยกเว้นตอนต่อแถวเข้าห้องน้ำแล้วโดนอาอึ้มแย่งตัดหน้าส้วมซึม เพราะเพื่อนแอร์สาวชาวยุโรปสองนางกำลังต๊ะต่อนยอนเกี่ยงกันอยู่ว่าใครจะเข้าก่อน พวกนางไม่เคยเข้าส้วมยองๆ ไม่สามารถจัดการกับปัญหาการถกกางเกงยีนส์ลงยองแล้วไม่ทำให้ขากางเกงเปียกเยี่ยวได้ 5555555 ดังนั้น ก็จงหลีกทางให้อาอึ้มและแอร์เอเชียหัวดำผู้ถนัดแวะเข้าห้องน้ำปั้มเจทอย่างเราได้ไปต่อเถิด)

พูดถึงเรื่องแอร์สาวชาวยุโรป แก๊งกำแพงเมืองจีนของเราคราวนี้มีผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งหมด5คน
(จริงๆเกือบจะไม้ได้มาเพราะอีแอร์ตัวตั้งตัวตีที่เป็นคนสร้างกรุปWhatsAppแล้วนัดแนะทุกคนให้ลงมาเจอกันหกโมงเช้าอยู่ดีๆก็ออกจากกรุปไป แล้วนี่ก็คือหลับไปก่อน ไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขา พอตื่นมาคนอื่นๆแม่มleft groupกันไปหมด เหลือตูคนเดียวเป็นadminกรุปผีสิง เป็นอีเด๋อ2017 โชคดีลงไปเจอเพื่อนเลยฟอร์มกรุปได้ใหม่แบบสบายใจไร้รอยต่อ)


กลับมาที่ชาวแก๊งวันนี้ ประกอบด้วยหนึ่งสาวเยอรมัน(ผู้เติบโตในบราซิล นางเลยกลายพันธ์ุเป็นคนเยอรมันที่ love to hug มากๆ มีความสัมผัสสูงแบบบราซิลเลี่ยนสไตล์) คนที่สองเป็นสาวแขกตาคมคนเลบานอน(ที่เติบโตในอาเจนติน่าและพูดภาษาสเปนชัดกว่าภาษาอารบิก) คนที่สามเป็นสาวรัสเซียผู้เงียบขรึม(ตามปกติ) และสุดท้ายหนุ่มโปแลนด์ร่างสูงกำยำทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของสาวๆในการถ่ายรูปครั้งนี้

ด้วยความคอสโมโพลิแท่นของเราชาวแก๊ง ทำให้ค่อนข้างป้อปปู้ดึงดูดสายตาชาวจีนพอสมควร มีคนจ้องอยู่เนืองๆ และแอบถ่ายรูปแก๊งเราบ้างประปราย 

แต่ที่เขาสนใจไม่ใช่ตัวเราหัวดำหรอก น่าจะเป็นพวกเพื่อนหัวทองของเรามากกว่า เพราะพอพี่จีนเห็นหน้าเราเขาก็เข้ามาพูดจาด้วยภาษาจีนดิบดี เราก็เลยยิ้มๆทำว่าเข้าใจแล้วบอกประโยคสามัญประจำตัวไปว่า หว่อชื่อไท่กั๋วเหริน (หนูเป็นคนไทย) ซึ่งพอเพื่อนในแก๊งเห็นเราตอบภาษาจีนไปก็ตื่นเต้นว่าเราพูดจีนได้ เราก็ยิ้มอมภูมิ บอกไปว่าอ๋อได้นิดหน่อย แต่เราก็ไม่ได้บอกเพื่อนไปหรอกว่านิดหน่อยที่ว่าก็คือคำจำพวก อี๋เตี่ยนเตี่ยน โหย่ว เหมยโหย่ว พิงกั๋ว และ หมี่ฟ่าน

ไหนๆเราหน้าเหมือนเขาแล้ว เราก็ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยการนำความหมวยมาใช้ให้เกิดประโยชน์เวลาชอปปิ้ง คิดจะทำตัวกลมกลืนโดยการพยายามต่อรองราคาเป็นภาษาจีน แต่ที่ไหนได้ ไอการที่เราไล่นิ้วนับเสียง อี เอ้อ ซาน ซื่อ.. เพื่อหาเสียงที่ใช่ เลขที่ชอบ กว่าจะรู้ว่า แปดคือ ปา ก็ทำให้แม่ค้ารู้พอดีว่าอีนี่รู้ไม่จริง...


การซื้อของที่จีนนี่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง มีคนเคยบอกว่าซื้อของที่นี่ต้องกล้าต่อ ต้องมีความด้านถึงจะได้ ถ้าอายจะถือว่าโง่ นี่ก็พกคตินี้มาเต็มกระเป๋า ระหว่างทางกลับลงมาจากกำแพงเมืองจีนก็เจอร้านรวงเรียงรายขายของที่ระลึกกระจุกกระจิก ไอเราเห็นเพื่อนฝรั่งพรุ่งไปซื้อของโดยไม่ต่อราคาก็ได้แต่จุ๊ๆปากพร้อมส่ายหัวไม่โอเค

เลยเรียกนางมาหาแล้วบอกว่าไอจะสอนให้ 'วอชแอนด์เลิร์นเบบี๋' 

เดินเข้าไปที่แผงหนึ่งด้วยความมุ่งมั่น หยิบตุ๊กตาหน้าหมวยแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดชาววังสมัยราชวงศ์ชิงดูหรูหรามาตัวนึง ว่าจะซื้อไปฝากหลานสาว (ฝากหลานคือเหตุผลบังหน้า จริงๆแล้วชอบเองเพราะใฝ่ฝันมานานตั้งแต่สมัยป.2ตอนดูองค์หญิงกำมะลอหน้าจอทีวีช่อง3ว่าสักวันฉันจะต้องได้ใส่ชุดปักลายดอกยาวกรอมเท้าและสวมเครื่องหัวติดดอกโบตั๋นตรงกลางพร้อมพู่ห้อยซ้ายขวาเดินนวดนาดสะบัดผ้าเช็ดหน้าย่อเข่าถวายบังคมฝ่าบาท แต่ยังหาโอกาสใส่ไม่ได้ ก็ซื้อตุ๊กตาไปดูเล่นก่อน)


ระหว่างที่หยิบจับดูตุ๊กตา แม่ค้าอาอี๋ก็แถลนเข้ามา พอเราถามว่าเท่าไหร่ เขาก็บอก 280 หยวน (1400บาท) ไอเราก็หยิบมือถือมาเปิดแอปคำนวณ ทำหน้าตกใจ บอกโอวว แพงจัง อาอี๋ แล้วทำท่าจะวางคืน นางก็รีบยื่นเครื่องคิดเลขมาให้และสั่งว่า 'อะกดๆ ลื้อจะเอาเท่าไหร่' เราก็สวมหน้ากากหน้าด้านขึ้นเวทีเดอะมาสก์ซิงเงอร์ ต่อป้าไปว่า80หยวนละกัน (400บาท) ป้าตกอกตกใจพร้อมส่งเสียงขลุกขลักขำในลำคอ 'ไม่ล่ายๆ ต่ำไป อั๊วให้ 250' เราก็ใช้แอคติ้งระดับครูเงาะ ทำหน้าเสียดาย พร้อมวางตุ๊กตาคืนแล้วบอกว่า 'โอ มีเงินไม่เยอะขนาดนั้นหรอก งั้นไม่เป็นไรจ๊ะ' อาอี๋แกก็ใจป้ำ บอกงั้น 150 เอ้า เราก็ไม่ฟัง เตรียมตัวเดินออกจากร้าน

อาอี๋แกเลยรีบ เอออๆๆๆ 80  ก็80 หยิบตุ๊กตาใส่ถุงแล้วยัดใส่มือให้เราอย่างเร็วไว จ่ายเงินเสร็จสรรพก็เดินออกมาจากร้านด้วยร้อยยิ้มของผู้ชนะ ตบบ่าแอร์ฝรั่งแล้วทำหน้าแบบ 'นี่แหละการต่อรองที่สมเกียรติยศ' (จริงๆในใจก็ยังมีความโลภ คิดว่าต่อลงมาอีกอาอี๋แกก็คงให้ แต่เราจะดูเป็นคคนบาปทำร้ายแม่ค้าตาดำๆจนเกินไป)


ที่สนุกอีกอย่างในการชอปปิ้งที่จีนคือมูดแอนด์โทนซึ่งมีความแปลกใหม่ ฟีลลิ่งมันไม่เหมือนการซื้อขายธรรมดา มันมาเป็นแนวขู่กรรโชกและทะเลาะเบาะแว้ง หากเราปฏิเสธสินค้าหลังต่อรองกันมาสักพักแต่ก็ยังไม่ได้ราคาที่พอใจ แม่ค้าพ่อค้าจะเกิดการโวย มีการขึ้นเสียงสูง ลื้อจะเอายังไง! ห๊ะ! เอาไหมบอกมาา! อั๊วให้สุดๆเลยเอ้า! (เดาว่าเขาน่าจะตะโกนว่าอย่างนี้) หากเราเมียงมองดูของแล้วเขาเสนอราคามาแต่เราไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น พ่อค้าแม่ค้าก็จะมีการดูถูกเรากลายๆอารมณ์ว่า นี่ลื้ออ!แม่เหล็กอันละ10บาท! เงินนิดเดียว ทำไมไม่ซื้อ โอยยย! แค่เศษเงิน! อั๊วให้สองอัน10เลยยย! (เออ รู้ว่า10บาท แต่กูไม่อยากได้ไงโว้ยยย) บางร้านอยากขายมาก เดินตามจากร้านแรกยันร้านสุดท้าย บอกซื้อเถอะๆๆ จนนักท่องเที่ยวบางคนทนไม่ไหว ยอมควักตังค์จ่ายซื้อของที่ไม่ได้อยากได้กลับมา 

ณ จุดๆนี้ บอกเลยว่าบันเทิงมาก ชอบมาจีน ชอบความขำขันและความยูนีคของคนที่นี่(มีความยูนีครองลงมาจากอินเดีย ซึ่งบันเทิงพอกัน) คิดว่าถ้ามาอีกก็คงมีเรื่องสนุกๆให้ได้เก็บไปอมยิ้มอีกแน่นอน

Comments

Popular Posts