สมัครแอร์สามสายสุดโหดแห่งปี 2016 - Qatar (3)


Qatar Airways (รอบเดือนสิงหาคม Ex-Crew // วันเดียวจบ)


เดินทางมาถึงสายโหดสายสุดท้าย กาต้าร์แอร์เวย์ !




ด้วยเหตุเพราะความฟุ้งซ่านไม่เข้าใครออกใคร ช่วงหลังจากที่รอผลอีเคมาเดือนกว่า ฟ้าดินก็ยังไม่ประทานข่าวดี สตรีใฝ่จะกลับไปอยู่ที่สูงอย่างเราจะทำอะไรได้ นอกจากสมัครที่อื่นต่อ (คนเรามันต้องมีแผนสองรองรับอะเนอะ)

กาต้าร์เพิ่งมารับสาวไทยไปหยกๆเมื่อต้นเดือนกันยายน พรีสกรีนสามวันแหน่ะ โหดแค่ไหนถามใจกรรมการดู สมัครงานหรือเทศกาลไทยเที่ยวโดฮาที่อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานีคะ ยาวนานขนาดนี้ แค่เห็นจำนวนคนก็กลัวล้าววว

เป็นความโชคดีด้วยที่เราสมัครรอบเดือนสิงหาคม เพราะเป็นรอบเฉพาะex-crew ดังนั้นจำนวนผู้สมัครจึงไม่ได้เยอะเหมือนรอบล่าสุด เขาให้ยื่นใบสมัครออนไลน์ก่อน แล้วทางสายการบินจะส่ง Invitation มาให้ค่ะ

คราวนี้ก็ไปแบบไม่ได้กดดัน ทำทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ เน้นเป็นตัวเอง ไม่เครียดไม่จิตตก 

จริงๆศัตรูตัวสำคัญที่ขัดขวางความสำเร็จในการสมัครแอร์คือตัวเราเอง ต่อให้เตรียมตัวมาดีแค่ไหน ถ้าวันจริงตื่นสนามทุกอย่างก็จบ ความตื่นเต้นและความกดดันที่มีเกิดจากตัวเราทั้งนั้น ถ้าเราควบคุมสติตัวเองได้ สายไหนสายนั้น ทุกคนทำได้ (ดิฉันเชื่ออย่างนั้นค่ะ คุณกิติคะ...)


ขั้นตอน Qatar มี 5 ด่านสำคัญ ดังนี้

1. English Test
มาถึงก็สอบภาษาปะกิดกันก่อนเลยข่า กรรมการให้นั่งเรียงหน้ากระดาน โดยข้อสอบจะมีหลายชุด คนที่นั่งติดกันก็จะได้คนละชุดกัน ให้เวลาทำประมาณ 45 นาที ไม่ยากมาก แต่ต้องจัดสรรเวลาดีๆ

ข้อสอบมีทั้งที่เป็นแบบเลือกตอบ และ เขียน essay แบ่งคร่าวๆได้ประมาณนี้
a.       อ่านจับใจความ
b.       เติมคำลงในช่องว่าง
c.       Grammar ทั่วไป
d.       คำนวณ
e.       Essay สำหรับข้อสอบ essay เขาจะมีหัวข้อมาให้เลย เป็นหัวข้อสั้นๆเกี่ยวกับการทำงานและทักษะทั่วไป เช่น การตัดสินใจ การสื่อสาร ให้เขียนประมาณ 50 – 150 คำ

2. Height Measurement + Skin Check + Role Play
หลังจากรู้ผลข้อสอบภาษาอังกฤษ กรรมการจะให้มานั่งรอ และจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ทีละคน

รอบนี้มีกรรมการสองคน เข้าไปก็ให้เราเอื้อมแตะเลย (ใครใส่สูทแขนยาวเขาจะให้ถอดออกก่อน) จากนั้นก็มานั่งประจันหน้ากันที่โต๊ะ โดยจะให้เราหันหน้าออกหน้าต่างรับแสงธรรมชาติ แถมมีสปอตไลท์อีกสองตัวสาดหน้า ระหว่างนั้นกรรมการคนนึงจะชวนคุยอีกคนจะแสกนสภาพหน้าเรา ดูว่ามีสิว ริ้วรอย ฝ้า กระ อะไรบ้าง แล้วจะให้เรา declare แผลเป็นต่างๆ

กรรมการตาดีมาก บอกเลยยย ขนาดทารองพื้นแน่นแล้ว ยังสามารถมองทะลุไปเห็นกระได้

รอบนี้นอกจากพูดคุยทั่วไปนิ๊ดดเดียวแล้ว จะมีการให้ทำ role play ซึ่งกรรมการจะแสดงเป็นผู้โดยสารในสถานการณ์ต่างๆแล้วให้เราแสดงเป็นลูกเรือจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น สถานการณ์ที่มีก็เช่น ผู้โดยสารเมา ผู้โดยสารจะขอเปลี่ยนที่นั่ง เด็กงอแงร้องไห้ไม่หยุด ผู้โดยสารพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ฯลฯ

เวลาทำ role play ต้องตั้งสติดีๆ อย่าเหวอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอะไร ให้นิ่งไว้ รับฟังปัญหาก่อน กล่าวแสดงความเสียใจหรือขอโทษหากเป็นเรื่องที่เราผิด เสนอหนทางแก้ไขให้ผู้โดยสาร ต้องคิดข้อเสนอเผื่อไว้หลายๆข้อเผื่อกรรมการจี้ อีกอย่างคืออย่าปฏิเสธผู้โดยสารตรงๆแล้วจบกัน ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราใส่ใจปัญหา และจริงใจในการคิดแก้ไขหรือทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

รอบนี้ใช้เวลานานหน่อย เพราะทำทีละคน สามารถออกไปกินข้าวเดินชอปปิ้งตึกอัมรินทร์(ที่ไม่มีอะไรให้ชอป)รอได้

3. Public Speaking
หลังจากรู้ผลด่านที่แล้ว คราวนี้กรรมการจะให้ทุกคนมารวมกลุ่มในห้องประชุมอีกครั้ง และจะให้เราทำ public speaking ทีละคน ด้นสด เพราะจะไม่รู้หัวข้อที่ต้องพูดล่วงหน้า กรรมการจะเรียกใครก็ได้(หรืออาจจะอาสาพูดตามความสมัครใจก็ได้) แล้วจะให้จับฉลากหัวข้อที่ต้องพูด ไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะต้องพูดนานแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่ก็พูดกันประมาณ 1-2 นาที

หัวข้อส่วนมากก็ยังคงเกี่ยวกับการทำงานและทักษะต่างๆ เช่น effective leadership, communication failure, embarrassing moment, how to suggest new ideas to your colleagues เป็นต้น

เราได้หัวข้อ embarrassing moment เหมือนง่าย คือถ้าเป็นเรื่องทั่วไปจะเล่าง่ายมาก แต่ทีนี้ต้องพูดให้เกี่ยวกับการทำงาน แอบมีความคิดไม่ออกไปพักหนึ่ง ระหว่างที่นึกเรื่องจะเล่าก็เลยใช้มุกเก่า happy belated mother's day กรรมการและเพื่อนในห้องไป ถ่วงเวลา 55555 พอดีวันนั้นวันที่ 13 สิงหาคมพอดี ก็บอกไปว่า hope you guys had a wonderful day with you moms ข่าา


พอนึกออกก็เลยเล่าเรื่องที่ว่าเคยไปบินไฟลท์กรุงเทพฯ ละทีนี้มีแม่ลูกคู่นึงซึ่งเราคิดว่าเขาเป็นคนไทย เพราะเขาคุยกันงุ้งงิ้งเหมือนภาษาไทยมาก (อาจจะเป็นเวียดนาม ไม่แน่ใจ) เราด้วยความสำนึกรักบ้านเกิด ก็คุยกับผู้โดยแม่ลูกตลอดไฟลท์ เดินไปบอกบ้างล่ะว่าถ้าหนาวบอกนะเดี๋ยวเอาผ้าห่มให้ มีอะไรให้ช่วยบอกนะคะ ซึ่งนางสองแม่ลูกก็ยิ้มให้ตลอด ไอเราก็นึกว่านางเข้าใจ พอตอนเสิร์ฟเท่านั้นแหละ ถามว่าจะกินอะไรภาษาไทย นางสองคนงงกลับมา ทีนี้เลยรู้ว่าปล่อยไก่แล้วตู อับอายค่ะ คุยอยู่คนเดียวมาตั้งนาน 55555 


ทีนี้จะเล่าแค่นี้ก็ดูเปิ่นไปหน่อย เลยตบท้ายว่าเราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ว่าจริงๆแล้วการทำงานบริการเนี่ย เราไม่ควร assume อะไรเอง ถึงแม้ผู้โดยจะหน้าไทยแค่ไหนหรือแม้จะเป็นคนไทย เราก็ควรยึดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางก่อน เป็นการให้เกียรติ เพราะเราทำงานกับสายการบินสากล จนกว่าผู้โดยจะแสดงตัวว่าสบายใจจะใช้ภาษาอื่น เราค่อยปรับตาม ประมาณนี้

จากที่สังเกตรอบนี้ ควรพูดโยงเรื่องให้เกี่ยวกับตัวเราเองและสามารถขายข้อดีหรือจุดเด่นของตัวเองได้ แต่ไม่ควรเล่าเรื่องหรือสถานการณ์ที่ทำให้เราดูแย่แม้เรื่องมันจะตลกน่าเล่าแค่ไหนก็ตาม พยายามมองหน้าทุกคนเวลาพูด อย่าพูดนานเกินไป และอย่าออกนอกเรื่องจนดึงกลับมาไม่ได้

4. Group Discussion
รอบนี้เป็นการทำ group discussion แล้วต่อด้วย debate หรือ presentation แล้วแต่วิจารณญาณของกรรมการ โดยเขาจะบอกหัวข้อมาให้(ของเราได้หัวข้อ social media) และแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6-7 คน นั่งล้อมวงคุยกัน ระหว่างนั้นกรรมการก็จะเดินสังเกตการณ์ จดๆอะไรไปตามปกติ

ถ้าเป็น debate กลุ่มนึงก็สนับสนุน บอกข้อดี อีกกลุ่มก็ค้าน บอกข้อเสีย แต่ถ้าเป็นการ presentation หัวข้อจะต่างออกไป ไม่ใช่กว้างๆแบบ social media แล้ว แต่จะเป็นโจทย์มาให้ช่วยกันคิด ให้ช่วยกันแก้ไข/นำเสนอไอเดีย เช่น ให้คิดเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟบนไฟลท์ หรือ กรณีต้องติดเกาะให้เลือกของที่จะเอาไป

กลุ่มเราเป็นฝ่ายสนับสนุน เราก็อธิบายไปว่า social media เนี่ยช่วยให้คนที่อยู่ห่างกัน connect กันได้ง่ายขึ้น สามารถตามหาคนหาย ใช้เป็นสื่อกลางขอความช่วยเหลือ ช่วยในการทำธุรกิจ สะดวกสบาย ธุรกรรมต่างๆง่ายขึ้น ประมาณนี้

ไม่มีอะไรมากสำหรับด่านนี้ เหมือนทั่วๆไปที่เคยพิมพ์ไว้ คือ แสดงความเห็นแต่พอเหมาะ ไม่แย่งเพื่อนพูด ไม่ dominate กลุ่มจนเกินไป ถ้าไม่เห็นด้วยให้แย้งอย่างสุภาพสร้างสรรค์จ้า

5. Final Interview
ด่านสุดท้าย สัมภาษณ์เดี่ยวกับกรรมการสองคน ก่อนหน้าจะมาสัมเดี่ยว กรรมการจะเปิดพรีเซนต์เทชั่นให้ดูสามสี่ตัว และแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับสายการบิน ที่พัก รายได้ ชีวิตการเป็นอยู่ในโดฮา และ ผลประโยชน์อื่นๆ

จากนั้นจะมีเอกสารให้กรอกอีกหลายหน้า พวกข้อมูลส่วนตัว และคำถามอีกสามสี่คำถาม คล้ายๆที่ถามตอนสมัครออนไลน์ จุดเด่นของเราคืออะไร เวลาว่างชอบทำกิจกรรมอะไร ทำไมเราถึงควรได้รับเลือก เตรียมคำตอบไปเผื่อด้วยจ้า แล้วก็เตรียมข้อมูลวันเดือนปีเกิดอาชีพการงานของพ่อแม่พี่น้อง และ บุคคลอ้างอิงด้วย

สำหรับการสัมภาษณ์เดี่ยว ค่อนข้างเป็นไปแบบกันเอง กรรมการจะชวนคุยเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับตัวเรา ส่วนมากเป็นคำถามจากในเรซูเม่ งานที่ทำอยู่ ประสบการณ์ต่างๆที่ใส่ลงไป ทำไมออกจากที่เก่า ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเขา เคยไปต่างประเทศมาไหม ถ้าต้องไปอยู่ร่วมห้องกับเพื่อนต่างชาติจะทำไง เป็นต้นค่า

หลังจากเสร็จสิ้นส่วนนี้ ก็กลับบ้านไปรอผลประมาณ 1 อาทิตย์จึงจะทราบว่าใครไม่ผ่านในเบื้องต้น (ใช่! เบื้องต้น พอมันยังมีมาอีก อีเมล regret เนี่ย) ส่วนคนที่เหลือก็จะให้ไปกรอกเอกสารออนไลน์และส่งรูปถ่ายเพิ่มเติมอีก รวมถึงงงง ส่งรูปไฝ ฝ้า กระ รอยดำ แผลเป็นต่างๆที่เรา declare ไปและอื่นๆที่กรรมการแจ้งเพิ่มเติมมา แล้วก็รอผลไปยาวๆอีกประมาณ 2-3 เดือน (ผลที่ออกนั้น บางคนก็ได้เมล regret บางคนก็ได้เมลให้ไปตรวจสุขภาพ ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม และรอยดำท่อไอเสียที่เคยเอาขาไปแนบกันมาสมัยเป็นสาวซิ่งมอไซค์)

ค่อนข้างรู้สึกว่ารอนานนนนนนกว่าอีเคอีก มีความเงียบหาย ปล่อยเราทิ้งไว้กับใจชาๆ และดราม่าที่มโนขึ้นเองในจิตใจ สมัครปีนี้ รู้เรื่องปีหน้า สบ๊ายยยยย

Timeline
Final Interview 13/8/2016
Photo Submission 18/8/2016
Scar Photo Submission 23/8/2016
Fist Approval Process 8/12/2016

อืมมมม คร่าวๆก็ประมาณนี้นาจาสำหรับขั้นตอนการสัมภาษณ์ของกาต้าร์ ใครจะไปสมัคร ให้ท่องไว้เลยว่า ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนจ้าาา กรรมการจะให้ทำหรือไม่ให้ทำขั้นตอนไหนก็ได้ แล้วแต่รอบ แล้วแต่การตัดสินใจของเขา เรามีหน้าที่เตรียมตัวไปให้พร้อมก็พอ


เท่านี้แหละหนา สามสายสุดโหดแห่งปี2016 นานเหลือเกินกว่าจะเขียนจบเพราะมัวแต่นอนเละๆเทะๆ ใครสงสัยอะไรหลังไมค์มาถามได้นา ยินดีให้ความช่วยเหลือ และคลายข้อสงสัย


ส่วนคนที่กำลังเหนื่อยกำลังท้อกับการสมัคร ขอเป็นกำลังใจให้น้าาา เรารู้ว่ามันเป็นยังไง เราเข้าจัยย เธอต้องสู้นะ เข็มแข็งไว้ ลองใหม่อีกสักทีสองที แล้ววันนั้นจะมาถึง อย่าเพิ่งล้มเลิกเด็ดขาดดด


ฝาก Quote ไว้ให้มีแรงฮึด


Comments

  1. ติดต่อจขกท.ได้ทางไหนค้า อยากปรึกษาเรื่องกาเครียมตัวค่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular Posts