นี่หรือคือปารีส





ปารีส... เมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันจะมาเยือน เมืองที่พอได้ยินชื่อแล้วใครๆก็ต้องนึกถึงศิลปะ ไวน์แดง ครัวซองฉ่ำๆ และความโรแมนติค ท้องถนนที่เต็มไปด้วยคนชิคๆ และร้านคาเฟ่น่ารักๆ

คุณนึกผิดค่ะ!!

ความจริงมันคือเมืองแห่งความอันตราย เต็มไปด้วยคนน่าตาไม่เป็นมิตรและสถานีรถไฟที่นั่งได้ไม่เต็มตูดเพราะมัวแต่ระแวงขโมย!


จริงๆนี่เป็นครั้งที่สองที่มาปารีส ครั้งแรกนั้นถือว่าไม่แย่เพราะมีเพื่อนนำทางดี พาไปที่ถูกจริต แถมอากาศเป็นใจ มีความระวังตัวบางๆเพราะอย่างที่ทุกคนเตือนว่าในเมืองขโมยเยอะ ต้องทำตัวจนเข้าไว้ ทิ้งดิออร์ ทิ้งหลุยส์ไว้ที่บ้าน เอายีนส์ไปถูกะพื้นให้ขาดๆ ปาดโคลนมาป้ายหน้า เอาเสื้อที่ไม่ได้ซักสองเดือนมาใส่ เป็นอันใช้ได้!

ใครที่กำลังวางแผนไปปารีส และคิดใส่หมวกเบเร่ห์ คลุมหน้าด้วยผ้าตาข่าย พร้อมใส่ต่างหูชาแนล บูทถึงเข่าและสะพายกระเป๋าแอร์เมส เลิกซะนะคะ นอกจากจะไท๊ยยยไทยนางร้ายช่องเจ็ดแล้ว ยังเสี่ยงต่อการโดนไถอีกด้วยข่าา

ส่วนใครที่วางแผนจะไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ซื้อได้ ระวังด้วย พยายามหลีกเลี่ยงสถานีรถไฟที่หนาแน่น และจับกระเป๋าให้มั่น อย่าให้โดนตบไปได้ 

ความวิจิตรตระการตาของสถาปัตย์ที่ปัญญาเข้าไม่ถึงค่ะ

รอบนี้โรงแรมที่พักห่างไกลจากปารีสมาก แลนด์ที่สนามบิน CDG ซึ่งเป็นสนามบินหลักของปารีส โรงแรมก็อยู่ใกล้ๆสนามบิน (งานแอร์พอร์ตโฮเทลยาวๆไปข่าาา) แต่ไหงตอนไปซื้อตั๋วเข้าเมืองพนักงานถึงถามว่าจะไปจังหวัดปารีสใช่ไหม (อ้าว เห้ยยย นี่ก็อยู่จังหวัดปารีสไม่ใช่เหรอออ) 

เปล่าเลย ปรากฎว่าเราอยู่ประหนึ่งสำโรงจะเข้าไปสยาม ต้องนั่งรถไฟกว่าชั่วโมงถึงจะถึงใจกลางเมือง

ในคณะประกอบด้วยน้องคนไทยหนึ่งคนและน้องเบลอชาวแขกเอเชียอะไรไม่รู้อีกหนึ่งคน(ต่อไปนี้จะเรียกว่าน้องเบลอ)


ในฐานะพี่ใหญ่และผู้มีประสบการณ์(อันง่อนแง่น)หนึ่งเดียว ก็ทำหน้าที่นำทางไปสิคะ ใครที่รู้จักเนื้อแท้ของเราแล้วยังไว้ใจให้นำทางก็ถือว่าท้าทายยมโลกมาก (คิดดูว่าตอนทำออฟฟิศนั่งรถไปทำงาน1ปี ถามกว่ากลับรถเข้าบริษัทตรงไหนยังตอบเขาไม่ได้)

แต่ไม่เป็นไร ด้วยเทคโนโลยีกูเกิลแมพบวกกับทักษะในการอ่านแผนที่อันเป็นเลิศ เราก็ว่าน่าจะพอถูไถ หลังจากถกเถียงกันสักพัก ก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไป Notre-Dame แล้วตามด้วย หอไอเฟล 

ที่ต้องถกเถียงนี่ก็เพราะน้องเบลอคนเดียวล้วนๆ ตอนซื้อตั๋วพนง.ถามว่ามีเวลาเท่าไหร่ จะได้แนะนำถูกว่าควรไปไหน ลงสถานีไร ไอเราก็กะว่าน่าจะสัก5ชม. น้องเบลอแหวขึ้นมาเลยย ไฟว์อาวเออ โออววว โนนนน ไอแฮฟทูคัมแบคทูสลีฟฟ ไอแคนโอนลี่เมคอิคทรีอาวเออ (โอยยยย ถ้าจะรีบกลับมานอนขนาดนั้น หนูไปเปิดยูทูป เสิจคำว่าหอไอเฟลค่ะลูก สวยๆสบายตรีนน) 

กว่าจะซื้อตั๋วได้ก็ปาไปครึ่งวัน (นางมีความงกเรื่องค่าตั๋ว on top of that ไปอีกค่ะ) นางบอกว่านางจะไม่ใช้อะไร จะไม่กิน จะไม่ซื้อของที่ระลึก จะใช้จ่ายแค่ที่จำเป็น (โว้ยยย อีจำปาาาาแดง เดี๋ยวจะเล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ไม่เห็นเหมือนที่คุยกันนี่นา) 

ปะติมากรรมดีๆแบบนี้ค่อยเข้าใจง่ายหน่อยค่ะ

ก็ตามนั้นค่ะ ขึ้นรถไฟจะไปนอธเธอดาม คนแทบไม่มีจากสถานีต้นทาง แรกๆก็พูดคุยทำความรู้จัก ยูคนอะไร บ้านอยู่ไหน มีแฟนยัง ทำนองนี้ สักพักก็เริ่มนิ่งๆกันไป (เพราะต่างไม่ได้นอนกันมาเกือบ24ชม.) 

พอใกล้ถึง เริ่มมีคนทยอยขึ้นรถไฟมาเยอะ ทีนี้เรากะน้องไทยก็รู้เรื่องกันแล้วว่าต้องระวังตัว น้องเบลอก็ได้รับการบรีฟจากนี่แล้วนะ แต่นางยังคงถือกระเป๋าตางค์โชว์โลกอย่างสบายใจ (เดี๋ยวได้เจอดีบรีฟ) 

ทีนี้มีคนผิวสีที่ขึ้นมาใหม่ นั่งลงข้างๆน้องเบลอ นี่ก็ไม่อยากเหมารวม แต่ตาพี่ผิวสีจ้องกระเป๋าตางค์น้องเบลอประหนึ่งว่ามันคือปลาดุกย่าง รอก็แค่น้ำจิ้มแจ่วมาเสิร์ฟ พี่ก็พร้อมฉกเข้าปาก

เรากะน้องไทยก็เริ่มเอะใจ ชักยังไงๆอยู่นาาา ส่งสายตาเข้าใจกันสองปริ๊งง จะพูดกะน้องเบลอดังๆก็กลัวจะดูไม่มีมารยาท เลยไอกระแอมสามที 'คะ แค่ก แค่ก' เรียกความสนใจจากน้องเบลอ พร้อมพเยิดหน้าไปที่กระเป๋านางเป็นเชิงให้เก็บและระวัง

แต่ด้วยความที่น้องคงจะเติบโตมาจากทุ่งลาเวนเดอร์ น้องหาได้รู้ตัวไม่ ซ้ำยังหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นพ่วงด้วยพาวเวอแบงค์และสายชาจที่ห้อยออกมา(ใช่! อันที่ยืมชั้นไปนั่นแหละ!)ล่อตาล่อใจอีก ฉวยง่าย ฉกคล่อง

เจ้จะเป็นลมมมม หัวใจจะวายค่ะลูกก 

จนถึงที่หมายนั่นแหละ ถึงได้รีบคว้าแขนนางออกมาและบอกให้นางเก็บของ 

สถานีรถไฟก็สลัวๆ มีความสกปรกเล็กน้อย และผู้คนหลากหลาย มันก็น่าโดนตามซอกหลืบจริงๆนั่นแหละค่ะ(หมายถึงโดนขโมยของนะคะ)

เชคอินนนนน

พอมาถึง Notre-Dame ก็สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ แต่ประเด็นคือเป็นคนความรู้น้อย ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของโบสถ์นี้ ก็ไม่อินเท่าไหร่ แถมอากาศก็หนาวขนหูลุก เราก็ได้แต่รีบๆถ่ายรูปสองสามแชะ เดินเข้าไปดูด้านในสองสามนาที แล้วก็ออกมาเชคอินว่ามาแล้ววจ้าาา 

เสร็จจากตรงนี้ (ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เกรงว่าจะทำเป้าเวลาได้เร็วกว่าที่น้องเบลอต้องการ) ก็เดินอ้อยอิ่งถนนข้างๆ แวะดูแม่เหล็กติดตู้เย็น (ของฝากยอดฮิต) ซื้อขนมปังประทังชีวิต แล้วก็ไปต่อกันที่หอไอเฟลค่ะ

ตรงนี้แหละค่ะที่ความปารีสบังเกิด 

หลังจากเดิน ย้ายสถานี เปลี่ยนรถไฟ เดิน เดิน เดิน จนมาถึงหอไอเฟล อากาศก็ขมุกขมัวมากค่ะ หอไอเฟลก็ดูเก่าๆ แถมมีป้ายอะไรไม่รู้ปิดอยู่ด้านหนึ่งของหอ เป็นกาลกิณีบ้าน กาลกิณีเมืองไปอีก 

ด้วยความที่ขี้เกียจเอามือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา เราก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพหอไอเฟลในครั้งนี้มาค่ะ (อยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นไงก็ไปเสิจกูเกิลแล้วลบความสวยงามออกไปอีก45% ก็จะได้อ้างอิงของจริงได้ค่ะ)

ระหว่างที่น้องๆถ่ายรูปอยู่นั้น เราก็สังเกตว่ามีคนมุงๆอยู่ข้างถนนเหมือนดูโชว์อะไรสักอย่าง เพราะความอยากเผือกเราก็เลยเข้าไปมุงด้วย 

ปรากฎว่ามันเป็นเหมือนโชว์หลอกไถตังค์ คือมีผู้ชายคนนึงกับกระป๋องสามกระป๋องคว่ำอยู่ และบอลเล็กๆ1ลูก นางก็จะใส่บอลในกระป๋อง สลับๆตำแหน่งกระป๋องไปมาละให้คนที่มุงทายว่าอยู่ในป๋องไหน ถ้าทายผิดเสียตังค์ ทายถูกได้สองเท่า

โจรห้าสิบ(ยูโร)

เราก็ยืนดูอยู่15วิแล้วก็จากมา (ก็มีคนได้บ้าง เสียบ้าง เห็นชายยุโรปคนนึงกระฟัดกระเฟียดเตะกระป๋องเพราะเสียไป200ยูโร... คุณก็กล้าเล่นเนอะะะ)

ไม่ทันถึงห้านาที หันไปเจอน้องเบลอยืนอยู่ในกลุ่ม เราก็นึกว่านางยืนดูเพราะความสนใจ ก็ไม่ได้อะไร เดินดูวิวช่วยน้องไทยถ่ายรูปต่อ 

แต่โนจ้าาา นางดันไปเล่นกะเขาด้วย ที่รู้เพราะอยู่ดีๆนางก็เดินมายืมเงินนี่10ยูโร ตอนแรกไม่เห็นว่านางอยู่ในกลุ่ม ก็นึกว่าจะยืมแบงค์ย่อยไปซื้ออะไรกิน เราก็ใจดีให้ไป สักพักนางกลับมาบอกยืมอีก50ยูโร เราถามจะเอาไปทำไร นางบอกเนี่ย ไอคนนั้นเอาเงินนางไป50 จะยืมเรา50 ละเดี๋ยวเอาไปเล่น แล้วจะเอาเงินมาคืนเลย (มีความร้อนรนแกมบังคับอยู่ในน้ำเสียง)

ด้วยความที่เราเป็นคนคณิตคิดเลขไว เราก็ประมวลได้ว่า ตัวเองมี65ยูโร จ่ายค่าตั๋วไป20ยูโร ซื้อขนมปังประทังชีวิตไป3 ให้น้องยืมไปอีก10 ตอนนี้ที่ตัวเหลือแค่32 แล้วจะมาเอาอะไรจากชั้นอีกคะะะะ

แล้วถ้าเอาไปเล่นละเสียอีก ไม่เท่ากับเสีย100เหรอคะ เออเว้ยยย พอพึ่งเราไม่ได้ นางก็หันไปคาดคั้นน้องไทย น้องไทยก็ไม่ให้ จะมาเอาเงินไปหมดละจะกลับบ้านกันยังไงคะ

ยืนงงกันสักพัก หันไปอีกที แก๊งปาหี่หายไปล้าววว ทีนี้น้องเบลอก็งานเข้า นางวิ่งวนไปมา หาแก๊งต้มเงิน จนนางได้ความว่า เขาทำกันเป็นแก๊ง คนที่เล่นละได้เงินก็คือคนในแก๊ง เตี๊ยมกันไว้ (ก็แน่สิคะลูกกก เด็กอนุบาลสามยังไม่ตามชายแปลกหน้าที่หลอกให้ลูกอมฟรีไปเลยค่ะ หนูอายเด็กไหมคะะะ)

นางก็วอแว บอกว่าจะไปแจ้งตำรวจ โดนขโมยเงิน (ได้ข่าวหนูสมัครใจให้เงินเขาไปนะคะลูก ไหนหนูบอกหนูจะใช้ที่จำเป็นไงคะะะะ)

เรากะน้องไทยก็ถ่ายรูปวิวรอระหว่างที่นางเดินไปฟ้องตำรวจที่ตรวจตราอยู่แถวนั้น (เป็นเพื่อนร่วมคณะที่ดีมาก 55555 เราจะไม่ช่วยคนไม่ฉลาดแถมชอบไถตังค์เพื่อนนาจาาา)

สุดท้ายตำรวจคงเห็นใจ เลยไปคุยจนนางได้เงินคืนมา (หนูเห็นนะคะ ว่าตอนแก๊งเล่นเกมนี้ คุณตำรวจก็อยู่แถวนั้น ทำไมคุณตำรวจไม่ห้ามคะะะ ทำไมมมม!)

พอได้เงินคืน นางยังมีหน้ายิ้มสลอน เดินฉุยฉาย ถ่ายรูปต่อ หนูลูกกกก เรากลับกันเถอะลูก เจ้ไม่อยากเดินๆละโดนฟาดท้ายทอยย โถ่เอ้ยยย อีแก๊งจะกลับมาล้างแค้นแกไหม 

ไปค่ะ เดินไวๆๆ ฉับๆๆเข้าสถานี กลับโรงแรมนอนค่ะซิส


นี่ค่ะวิดีโอหลักฐาน ฝากผู้มีอำนาจจัดการให้ด้วยนะคะ


ข้อคิดวันนี้ การพนันไม่เคยให้ประโยชน์ใคร 


ปล.จริงๆปารีสก็ดีนะ ถ้ามีเงินอะ...


Comments

Popular Posts