วันหยุดแอร์ฯทำอะไรบ้างเหรอคะ?



สิ่งหนึ่งในอาชีพการงานที่ดิฉันประทับใจที่สุด หาใช่การได้ท่องเที่ยวทั่วโลก ตั๋วฟรี หรือส่วนลดดิวตี้ฟรีอะไรทั้งนั้น หากแต่เป็นวันหยุด

คนปกติทั่วไป เวลามีวันหยุด อย่างแรกที่นึกจะทำคือออกไปเที่ยว ไปหาสถานที่ผ่อนคลาย แต่สำหรับแอร์อย่างเราที่เดินทางมาๆไป แพคระเป๋าเข้าๆออกๆ พอมีวันหยุดที สิ่งที่อยากทำที่สุดคือนอนหมกตัวอยู่ในห้อง

เวลาเช็คตารางบินเดือนหน้าจะตื่นเต้นตอนเห็น day off มากกว่าเห็นเมืองที่จะไป เพราะday off คือวันของชั้นนนน วันแห่งการไม่พบปะผู้คน เป็นวันหยุดศักดิ์สิทธิ์ วันแห่งการทบทวนตนเอง ชะล้างจิตใจให้ผ่องแผ้วหลังองค์แอร์เฟรนลี่ผู้มีใจบริการและรักทุกสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ออกจากร่างไป ก่อนจะอัญเชิญท่านกลับมาทรงร่างใหม่ในไฟลท์หน้า

ปกติแล้วเป็นคนชอบอยู่บ้าน ติดห้อง ไม่ค่อยออกไปไหน ถ้าจะออกก็คือออกไปห้างซื้อของเข้าตู้เย็นจับจ่ายใช้สอยตามประสาและแวะไปหาหมอสิว (เสียกันไปเท่าไหร่กับคอร์สหน้าใส)

บางทีเพื่อนก็ชอบเข้าใจว่าคนเป็นแอร์ต้องรู้จักที่เที่ยวดีๆเยอะ ซึ่งก็คงมีแอร์ส่วนหนึ่งแหละที่เป็นเช่นนั้น แต่ส่วนนั้นไม่ใช่เราไง

ถ้าเทียบกับพระ เราก็เป็นปางไสยาสน์ เน้นนอนตะแคง ไม่เน้นธุดงค์ (#ติดแท็กคนบาป #ซ้อมตกนรกร้อนๆ)
                                  

คือเราก็ชอบเที่ยวนะ แต่เราชอบนอนมากกว่า คือแม้จะตั้งใจไว้ว่าไฟลท์นี้แลนด์ปุปชั้นจะออกไปเที่ยว แต่กว่าจะส่งผู้โดยสาร400กว่าคนหมดจากเที่ยวบิน7-8ชม. เดินสามพันก้าวผ่านตม. นั่งรถอีกกว่าชม.ไปโรงแรม รอเหล่าแอร์เชคอินอีกสองชาติเศษ เดินลากกระเป๋าหนัก20กว่าโลหาห้องพักโรงแรม(ที่มักคดเคี้ยววกวนประหนึ่งเขาวงกตในแฮร์รี่พอตเตอร์ภาคถ้วยอัคนีที่เซดริกตาย อ้าวว สปอยล์เหรอ!? ท่ดๆๆ) ป่านนั้นก็หมดแรงแล้ว ยิ่งพอเปิดประตูมาเจอเตียงหย่ายๆนุ่มๆ สีขาวสะอาดตา แอร์เย็นฉ่ำ ฮืออออออ ลาก่อนบิกเบน หอไอเฟล กำแพงเมืองจีน เราคงไม่ได้เกิดมาคู่กันนน


คนชอบว่า ว่าอยู่ดูไบมาหลายเดือนไม่รู้เหรอว่ามีอะไรน่าเที่ยว ไหนจะสิงคโปร์ สองปีที่ไปพำนักไม่สามารถชี้จุดน่าสนใจอะไรได้เลยเหรอ อย่าว่างั้นงี้เลย อยู่ประเทศไทยมา20กว่าปี ก็รู้จักแค่สำโรง-บางนา-เทพารักษ์ บวกเพิ่มสถานที่นิดหน่อยตามเส้นรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท... แล้วจะมาเอาอะไรกะคนแบบนี้คะ?


ดังนั้น สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ คือกิจวัตรประจำวันหยุดของแอร์กินนอน ใครคิดว่าจะได้เจอข้อมูลท่องเที่ยว รีวิวร้านอาหารหรือสถานที่แฮงค์เอ้าท์เกร๋ๆ เราขอเตือนให้ท่านหยุดการอ่านไว้เพียงเท่านี้ แล้วไปกรอกน้ำใส่ขวดให้แม่จะเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากว่า (เพราะจากจุดนี้ไปมันจะไม่มีสาระอะไรเลย...) 

เราจะเริ่มต้นวันหยุดอันสดใสด้วยการสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเครื่องปั่นผลไม้ที่เมทมักจะใช้ปั่นเหล้าดื่มค่ะ ยังจำกันได้ใช่ไหมคะ เมทไอริชลูกศิษย์หมึกแดง ผู้ล่าสุดเราค้นพบว่าดื่มแอลกอฮอล์แทนน้ำ มักมีขวดวอดก้าขนาด1.5ลิตรวางอยู่ตามครัว คาดว่านางน่าจะใช้ดื่มฆ่าเชื้อภายในอวัยวะ

ถ้าเป็นวันดีๆที่ฟีลกูด เราก็จะลุกมาล้างหน้าแต่งตัวลงไปวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดี(ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันต้องแหกตาตื่นไปวิ่งเช้าๆ จะได้ครอบครองลู่วิ่งสองอันที่ปอปปู้ยิ่งกว่าณเดชช่วงหุ่นลีนๆ) วิ่งจนรู้สึกผอมแล้วเราก็จะขึ้นห้องมาทอดไข่ดาวสองฟองเหยาะแมกกี้ ประกบด้วยไส้กรอกและแฮมไก่เกรียมๆ แล้วซดโกโก้ร้อนให้คล่องคอเป็นอันจบพิธีการออกกำลังกายรีดไขมันยามเช้า

จากนั้นเราจะประกอบพิธีกรรมซักผ้าซักผ่อนที่ค้างคา เรื่องซักนี่ไม่เท่าไหรแต่เรื่องตากนี่สิคะปวดใจแอร์ถิ่นกำเนิดแถบร้อนชื้นอย่างดิฉันมาก เพราะที่ห้องไม่ทีระเบียงค่ะ ทำได้เพียงลากราวตากผ้าไปวางใกล้ๆหน้าต่างห้องรับแขกแล้วพนมมือภาวนาให้แดดส่องผ่านมาทางนี้บ้างก็ยังดี

เสร็จกิจแล้วเราก็จะกลับห้องไปหยิบมือถือเปิดไลน์แล้วบ่นเมทให้แม่ฟัง อุ้ยยย ไม่ใช่! เปิดยูทูปดู The Mask Singer  ตางหากค่ะ กดข้ามๆช่วงวีดีโอหน้ากากแนะนำตัวกับช่วงพิธีกรบอกให้โหวตไปดูตอนต่อปากต่อคำ หรือบางทีก็ดู I Can See Your Voice เน้นข้ามไปดูช่วงดีเจนุ้ยแอ๊วเอินผู้ชาย กระชุ่มกระชวยเหมือนได้แอ๊วเอินเองยังไงยังงั้น

วันไหนถ้าอารมณ์สุนทรีย์หน่อยก็นั่งดูรายการmassๆแบบนี้ไป แล้วจุ่มสีน้ำวาดภาพทิวทัศน์ตามแต่จะโปรด (วาดเสร็จก็ถ่ายรูปลงโซเชียล ให้คนเขาดู เสมือนว่าเรามีงานอดิเรกแบบปัญญาชนคนมีอารยะ) หรือไม่ถ้าไม่มีใจจะวาดภาพ ก็ไปคุ้ยถุงพลาสติกมานั่งพับสามเหลี่ยมก็ฟินไปอีกแบบ เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกทางหนี่งนอกเหนือจากการช่วยแม่กรอกน้ำใส่ขวด


เวลาเที่ยงๆท้องเริ่มร้องก็ไปเข้าครัวสนองความหิวค่ะ เมนูปกติคือผัดๆอะไรก็ได้ ข้าว มาม่า เส้นหมี่ มักกะโรนี ทุบๆๆกระเทียม หั่นผัก หั่นเนื้อสัตว์ (พูดเหมือนมีหลายเนื้อ จริงๆคือมีแค่ไก่ให้กิน เพราะเนื้อวัวไม่กิน ซีฟูดแพง และหมูหายาก) งานครัวที่นี่เน้นความรวดเร็ว งดการหมัก การดอง การเคี่ยว (เรารีบ เราหิววว) มีอะไรก็โยนๆลงกระทะ เหยาะซีอิ้ว น้ำปลา น้ำมันหอย จบด้วยผงรสดี ฮร้าาา ดิฉันทำอาหารเก่งจังค่ะ (ถ้าอาหารหน้าตาดีหน่อยก็ถ่ายรูปลงโซเชียลอีกตามเคยคนเขาจะได้รู้ว่าเราทำอาหารเป็น แต่ถ้าวันไหนหน้าตาไม่น่ารับทาน เราก็ถ่ายเก็บไว้ดูเอง ไม่ก็แอบส่งไลน์ให้แม่ดูรู้กันเงียบๆสองคน)

หากคอแห้งแล้วหันไปพบว่าน้ำขวดหมดก็ลำบากชีวิตกันละค่ะทีนี้ #ลุกมาใส่เสื้อในแล้วลงไปซุปเปอร์มาเกตตต 

ปกติซื้อน้ำขวด1.5ลิตรเป็นแพค แพคละ6ขวด สนนราคาที่70กว่าบาท ไม่รู้ว่าที่ไทยราคาเท่านี้ไหม แต่ที่นี่ก็เนี่ยย ถูกสุดที่หาได้ (ละซุปเปอแถวบ้านก็เป็นโรคติดป้ายราคาไม่ตรง เคยหยิบน้ำมาแพคนึง หน้าตาดูโลคอล แพคเกจจิ้งดูถูก คิดในใจว่าไม่ถึงร้อยแน่ๆ พอจะจ่ายตังค์คนขายบอกสามร้อย.. เด่วๆๆ นี่น้ำเปล่าผสมเกล็ดทองคำเหรอจ้ะ... วิ่งไปเปลี่ยนสิเธอ) แรกๆไม่ค่อยฉลาดก็ต้องลงไปเดือนละหลายๆรอบ ไปแบกน้ำขึ้นห้อง ฝึกกล้ามแขน หลังๆพอรอบรู้ถึงได้ใช้บริการเดลิเวอรี่ ขนมาเลยค่ะพี่5แพค ยิงยาวไปหนึ่งเดือน (แถมทิปให้คนส่งอีกสักเล็กน้อยเป็นมารยาทอันดีงาม)


สักบ่ายๆก็มาถึงช่วงแฮปปี้คลินนิ่ง ซักผ้าขี้ริ้ว ล้างห้องน้ำ กวาดบ้านถูบ้าน (บ้านในที่นี่คือห้องนอน ห้องส่วนกลางก็นานๆทำทีแล้วแต่บุญแต่กรรม เพราะทำปุปก็มีคนมาละเลงปัป น้องก็เหนื่อยจะทำนะคะคุณพี่ขาาา) 

เวลากวาดห้องก็จะรู้สึกกังวลใจว่าอนาคตเราจะหัวล้านไหม เพราะผมร่วงเยอะมาก คือเราก็สงสัยนะว่าร่วงขนาดนี้เป็นโรคหนังศีรษะไหม เชื้อราเหรอ โรคไตหรือเปล่า หรือว่าโรคผมร่วงหลังคลอด เอ๊ะ ยังไง แต่พอไปปรึกษากูเกิลแล้วพบว่าอธิบดีกรมการแพทย์เขาบอกไว้ว่าผมคนเราร่วงเป็นปกติทุกวัน ไม่เกิน 30-50 เส้นต่อวัน... เออ ค่อยสบายใจหน่อย... เดือนนึงก็แค่ 1,500 เส้นเอง....(เหรอวะ ดีใช่ไหม แต่เออ อธิบดีว่าปกติดี ก็ปกติดีแหละ เชื่อคนมีตำแหน่ง..) #โกยผมต่อเถอะเธอ 

จากนั้นก็พักผ่อนหย่อนใจด้วยการอ่านหนังสือบ้าง ดูละครบ้าง กิจวัตรแม่บ้านยามบ่าย (ดีนะไม่ดูมาสเตอร์คีย์สี่ภาค แล้วตามด้วยก่อนบ่ายครายเครียด... ถามว่าเครียดอะไร ทำไมต้องดูก่อนบาย นี่ไม่เข้าใจ รายการแม่งยิ่งดูยิ่งเครียด..)

หย่อนใจไปเรื่อยๆจนเย็นย่ำก็ทำการอาบน้ำอาบท่า ช่วงหน้าหนาวนี่ก็ดีอยู่ ฝักบัวอาบน้ำปรับอุณหภูมิได้ตามปกติ เย็นร้อนแล้วแต่จะโปรด แต่ตอนนี้เป็นช่วงซัมเมอร์สุดfun แม้ว่าจะรอพระอาทิตย์ตกดินก็แล้ว ไม่ว่าจะหมุนก๊อกน้ำไปสุดฝั่งขวาแค่ไหน น้ำที่ไหลออกมาก็เดือดประหนึ่งน้ำร้อนในกระทะทองแดง 

อาบน้ำเสร็จหอมๆก็ได้เวลาพิธีบูชายันต์หนังนิ้ว จมูกเล็บ บอกเลยว่าสิ่งที่ท่านต้องแลกกับอาชีพการงานนี้ นอกจากการกินนอนไม่เป็นเวลาแล้ว ท่านยังต้องแลกมาซึ่งความมือหยาบกร้าน นิ้วแห้งกรังและเล็บฉีกเป็นของรางวัลอันเป็นนิรันดร์อีกด้วย 

ไม่เชื่อหยิบมือแอร์ที่รู้จักขึ้นมาสัมผัสค่ะ ฝ่ามือเธอนั้นโชกโชนราวผ่านมายี่สิบหกฝนยี่สิบหกหนาว ไม่ว่าจะแผลลวกเตาร้อนๆ รอยช้ำจากคอมแพคเตอร์ที่ต้องทุบตีใช้กำลังฟาดฟัน ฝ่ามือที่กร้านจากการเข็นคาร์ทและยกคอนเทนเนอร์หนักๆ  รอยแดงจากดรายไอซ์เย็นๆ แผลเลือดซิบจากการถูกฟรอยอาหารบาดและเศษขยะตำ ไหนจะเล็บฉีกจากการพยายามlatchตั่งต่าง ซอกเล็บและนิ้วที่เงิบแสบจากการพยายามเปิดกระป๋องนานา บอกเลยค่ะว่าสปามือก็ไม่ช่วย

ได้แต่ก้มหน้าตัดเล็บฉีก พอกครีมทามือ แล้วปาดน้ำมันลงไปที่หนังนิ้ว นวดๆคลึงๆพลางตั้งจิตอธิษฐานให้มือกลับมานุ่มดังเดิม 

ตะไบเล็บต่อสวยๆแบบมีแอตติจูด

พอดึกๆหลังท่องโซเชียลเสร็จแล้วยังไม่ง่วง ตอนที่นอนตาค้างมองเพดานมืดๆนั่นหล่ะ ที่'มัน'จะคืบคลานเข้ามา 'มัน'ชอบแวะมาสะกิดขาเวลาอยู่คนเดียว เวลาเราท่องโซเชียลละเจอรูปงานแต่งบ้างละ วีดีโอฉลองวันเกิดชาวบ้านบ้างล่ะ รูปลูกๆเพื่อนบ้างล่ะ ยิ่งเวลาดึกๆที่คนในประเทศบ้านเราหลับกันไปหมดแล้ว ไลน์ก็ไม่มีใครให้คุย 'มัน'ยิ่งเหิมเกริม

อยากจะกำจัด'มัน'ด้วยการเข้า pinterest หาโควตบวกๆให้กำลังใจตัวเอง แต่ทำไมเจอแต่โควตหน่วงๆเพิ่มเชื้อไฟไปอีก ยิ่งอ่านยิ่งเฟ้งฟว้างจนต้องหาทางแก้ด้วยการมานั่งเขียนบลอกอย่างนี้ไงล่ะ 

สุดท้ายเลยละกัน ถึงผู้ที่แวะเวียนผ่านเข้ามาอ่าน ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร อยากให้เธอรับรู้ไว้ว่าเธอคือคนสำคัญ เธอคือเพื่อนในจินตนาการของเรา... ละม้ายเพื่อนเสมือนผี แล้วก็ดีต่อใจ...

สวัสดี

Comments

Popular Posts