ยินดีต้อนรับ อิรัชไชมาเสะะะะ!


เมื่อตอนที่แล้วได้กล่าวถึงเรื่องราวน่าสนใจที่พบเจอได้ตามโตเกียวไปแล้ว มาตอนนี้ขอเล่าถึงความน่ารักสิ่งละอันพันละน้อยที่สังเกตเห็นได้ทุกที ทุกที่ ทุกเวลา ขณะพำนักอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น

ที่จะเล่าต่อไปนี้ ส่วนมากไม่ได้สลักสำคัญอะไร คือเป็นเรื่องของเขาที่เราสงสัย เราข้องใจ อย่าหาว่าเราเผือก ให้เรียกว่าไม่ใช่เรื่องของเราแต่ชอบเอามาขบบบคิสสส


หนึ่ง ความเอาใจใส่

คนญี่ปุ่นนั้นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชากันอยู่แล้วในด้านของความเอาใจใส่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ทุกอย่างมันดูมีรายละเอียด ดูมีดีเทล มีการใส่ใจ ใส่สตอรี่เพิ่มมูลค่าสิ่งของ

ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน อย่างวันก่อน ไปเดินอิเซตัน เจอชูครีมก้อนนึงน่ากินมาก ก็อะสั่งไปหนึ่งก้อนเล็กๆในราคา300กว่าเยน (ตีไปกลมๆสัก90บาท) เราก็คิดว่าเขาคงใส่ถุงกระดาษแปะเทปใสมาให้ แต่เปล่าเลย เขาจับน้องชูใส่กล่องกระดาษสีครีมแปะโลโก้อย่างดี ข้างในมีกระดาษแข็งวางกั้นกันน้องชูล้ม แถมสอดถุงน้ำแข็งแห้งรักษาความเย็นให้น้องไปอีก ไม่พอมอบถุงกระดาษสวยงามคุณภาพดีมาให้อีกใบ โอ้โห รู้สึกว่า90บาทที่เสียไป คือค่ากล่องใช่ไหมวะ เอ้ยย ไม่ใช่ รู้สึกว่า90ที่เสียไป มันดีต่อใจจริงๆ



จากปกติที่ไม่เคยใส่ใจการกิน คือพอซื้อมาก็แกะถุง ยัดเข้าปาก งั่มๆๆ ฮร้าา อิ่ม ทิ้งถุง! แต่พอเขามาทำงี้แล้ว เราเลยต้องปรับทัศนคติ ค่อยๆหยิบน้องชูออกมา สำรวจรายละเอียดตัวครีม แตะชิมรสชาติ แล้วค่อยๆละเลียดซึมซับความงามของขนม เออ ก็แปลกไปอีกแบบ

ความใส่ใจนี้ยังไม่หยุดแค่ที่ขนม ตอนเดินเข้าซุปเปอร์มาเกต แวะซื้อแยมทาขนมปัง กับ ลูกชิ้นชิกูวะ พอจ่ายตัง แกกกก ป้าห่อโหลแยมให้อย่างแน่นหนาผู้เชือกสวยงาม แล้วต่อด้วยห่อถุงลูกชิ้นแนบน้ำแข็งแห้งมาให้อีก (#ประทับใจ)

แล้วที่โรงแรมนะ กาต้มน้ำอะ อยากให้โรงแรมสาขาประเทศโลกอื่นมาดูงานที่นี่ เขาใส่ใจแม้กระทั่งเติมน้ำไว้ให้เต็มกา เราแค่เสียบปลั้กก็พร้อมใช้ ดีแค่ไหนนน (เอ๊ะ หรือคนก่อนมันลืมรินออกวะ!?)


สอง ความเกรงใจและมารยาท

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี คาดว่าประโยคนี้มันต้องมีต้นตอมาจากประเทศญี่ปุ่นแน่ น่าจะถูกถ่ายทอดมาแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่โกโบริมาพบกับอังศุมาลิน.... 

สังเกตได้ง่ายๆเลย ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนในญี่ปุ่น คือท้องถนนเขาจะสะอาดมากกก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีถังขยะเยอะแยะแบบบ้านเรา แต่เรามองเห็นได้ว่าคนเขามีความรับผิดชอบ คือกินแล้วทิ้ง ไม่มีที่ทิ้งก็เก็บไว้กะตัวจนกว่าจะเจอถัง

ไม่แปลกใจที่ญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถดื่มกินบนรถไฟฟ้าได้ #จิตสำนึกกกก

มากกว่านั้นคือการมีมารยาทในที่สาธารณะ เช่น ป้ายแปะรณรงค์ไม่คุยโทรศัพท์เสียงดังบนรถไฟฟ้า หรืองดการใช้โทรศัพท์ขณะโดยสาร อันนี้โดยส่วนตัวชอบมาก ปกติจะเกลียดที่สุดเวลาขึ้นบีทีเอสแล้วเจอคนคุยโทรศัพท์เสียงดังตลอดทาง งงว่าทำได้ไง แบบโนแคร์โนสนสายตาผู้ร่วมเดินทาง คืออยากโบกมือให้คนที่คุยอยู่ แล้วบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ไง ฮายยยย เกรงใจเราหน่อย เราไม่อยากรู้เรื่องผัวเธอมีเมียน้อนคนที่สาม นายเธอสั่งแก้งานรอบที่สิบ หรือลูกค้าเธองี่เง่าเต่าถุย

ฮือออ แค่นี้ปัญหาชีวิตเรายังไม่พอใช่ไหม ทำไมเธอต้องเอาปัญหาเธอมายัดเยียดให้เราอีกก ไปนะะ! ไปไกลๆเลย โบกี้นู้นว่าง ชิ่ววว...


ไม่เพียงแต่เฉพาะตามท้องถนน บนฟ้าเราก็สังเกตเห็นความมีมารยาทของคนญี่ปุ่นได้ เพราะเวลาทำไฟลท์นะ ห้องน้ำจะสะอาดเสมอ ปกติเวลาเราเข้าไปเชคห้องน้ำเติมทิชชู่ มันจะมีความเจิ่งความเละๆเทะๆในระดับหนึ่ง แต่โดยส่วนมาก ไฟลท์ญี่ปุ่นจะค่อนข้างเรียบร้อย เหมือนเขาใช้แล้วเขาช่วยเช็ด (กราบเบญจรงค์ฉบับเด็กมารยาทแสดงความซาบซึ้งงามๆจากใจ)

แล้วเวลาเก็บถาดนะ เหมือนบุญที่สั่งสมมาผลิดอกออกผล เพราะช่างไถง่ายสไลด์คล่อง เขาเก็บให้เรียบร้อย วางช้อนส้อมวางถ้วยคืนที่อย่างดี หมดปัญหาการมะรุมมะตุ้มสุมถาด มือเราก็สะอาด ไม่ต้องห่วงว่านิ้วจะจุ่มโยเกิร์ตไหมเช้านี้ แฮปปรี้จริงๆค่ะ

นอกจากนี้การไปลามาไหว้ของคนที่นี่ก็น่าประทับใจไม่หยอก อย่างตามร้านอาหาร ไม่ว่าจะร้านราเมนตู้กดข้างทาง หรือภัตตาคารอาหารห้าดาว พนักงานทุกคนก็ได้รับการเทรนมาอย่างดีให้แสดงพลังต้อนรับลูกค้าด้วยการตะโกนว่า อิรัชมาเสะะะะะะะ! (เออ มาสิ! มา! จะเอาช่ะะ... #หัวร้อน) 

เวลากินเสร็จคนกินก็กล่าวร่ำลา คนขายก็ตะโกนขอบคุณ เป็นอะไรที่น้ำตารื้น เดี๋ยวนี้ร้านอาหารส่วนใหญ่พนักงานหน้าตาไม่รับบุญมากๆ แค่คำว่าสวัสดีบางทียังไม่มีให้ ยิ่งเวลาเราแต่งตัวเงินอังกฤษๆ(ปอนๆ #แฮร่ตึ่งโป๊ะ) มีทำเมินเหมือนเราเป็นสัมภเวสีเดินมาขอส่วนบุญอีกแน่ะ เดี๋ยวตีตายยย


สาม ความขี้เซา

ปุจฉา คนญี่ปุ่นมีปัญหาการนอนไม่พอใช่หรือไม่ ทำไมขี้เซากันจังอะ นี่งงมาก คือเห็นนั่งไม่ได้ นั่งปุปหลับปัป ทั้งรถบัส รถไฟ เครื่องบิน

แล้วหลับกันจริงจัง หลับแบบปลุกด้วยเสียงไม่ตื่น ทำไมอะ หื้มมมมม 

เราอยากให้กระทรวงสาธารณะสุขญี่ปุ่นช่วยตั้งหัวข้ออภิปรายในเรื่องนี้ เราจะได้สบายใจสักที สงสัยมานานแล้ว

ช่วยเพิ่มไปในหัวข้ออภิปรายให้ด้วยอีกประเด็นว่าทำไมนอนหัวล้มตลอดเลย หลับหัวเอนพิงไหล่คนข้างๆอะ เห็นบ่อยมาก มันเป็นเนเจอร์ หรือการแอบอ่อยแบบเบลอๆของคนที่นี่ ช่วยตอบทีค่ะ


สี่ วัฒนธรรมการกิน/ดื่ม

เรื่องการกินราเมนของคนญี่ปุ่นเราพอจะเคยได้ยินมาบ้าง คือต้องซู๊ดเส้นดังๆแสดงถึงความอร่อย แต่ก็ยังไม่ได้พบเจอกับตัวแบบจะๆ จนล่าสุดได้มีโอกาสไปกินราเมนหยอดตู้แถวนาริตะสเตชั่น

ยกแก๊งกันไปสามสาวไทยผู้หิวโหยหลังแลนด์มาจากไฟลท์เกือบ10ชม. ด้วยความที่เป็นร้านเล็กๆ มีเก้าอีนั่งล้อมเคาท์เตอร์ตรงกลางประมาณ12ที่ ก็เลยไม่มีเมนูภาษาปะกิดแต่อย่างใด เราสามคนเลยต้องใช้สกิลการเอาตัวรอดในการกดเลือกราเมนแบบวัดดวง เดาเอาจากรูป หยอดเหรียญแล้วก็รอกิน

ระหว่างที่รอก็สังเกตเห็นว่าในร้านมีแต่ผู้ชาย ส่วนมากเป็นชาวออฟฟิศ ใส่เชิร์ตพับแขนกับกางเกงสแลก แบกกระเป๋าทำงานสีดำ ไม่มีผู้หญิงญี่ปุ่นเข้ามากินเลย (ใครรู้สาเหตุโปรดแจ้งแถลงไขที) ให้ความรู้สึกว่าเราป๊อป เราสวย นั่งไขว้ห้างกระดิกขาแล้วมโนประหนึ่งว่าเราเป็นหมู่มวลดอกไม้ท่ามกลางกลุ่มภุมราหนุ่ม...

พอราเมนมาเสิร์ฟ ก็เจอความเซอร์ไพรส์กับสุมถั่วงอกที่กองพูนสูงเป็นเบิร์จคาลิฟา คาดคะเนจากสายตาแล้วคาดว่าปริมาณน่าจะพอปลูกผักสวนครัวถั่วงอกหลังบ้านได้หนึ่งแปลงกลาง 


ในช่วงที่ค่อยๆรับประทานถั่วงอกไปเช็ดปากไป (พยายามคุ้ยเส้นขึ้นมากินก่อนแล้ว แต่ไม่สามารถฝ่าดงถั่วงอกขึ้นมาได้จริงๆ) เราก็สะดุดใจกับเสียงซู๊ดดดของผู้คนรายรอบ ทุกคนดูสูบเส้นกันแบบโนวอรี่มากๆว่าเส้นจะสะบัดน้ำซุปกระเด็นใส่เสื้อไหม เขาซู๊ดดดดังจนเราเขิน รู้สึกว่าการกินเงียบๆของเรานั้นช่างผิดธรรมเนียมเสียนี่กระไร แถมตอนเงยหน้าไปแอบดูพี่ๆเขาซู๊ด ก็ทำให้เราทึ่งกับความสามารถว่าพี่เขาคล่องแคล่วกันดีนะ ไม่มีซู๊ดสะดุด เส้นไม่ติดคอ ไม่สำลักน้ำซุปกันเลย แหมมม เก่งจัง

แล้วพอหันมาดูทางเราสามสาวที่มีทิชชู่เหน็บคอเสื้อกันเปื้อนกันอย่างพร้อมพรัก มือนึงถือช้อน มือนึงคีบเส้น จับเส้นวางใส่ช้อนม้วนๆพอดีคำ นำเข้าปาก แล้วตักน้ำซุปซด ตามด้วยทิชชู่ซับปากหนึ่งที แล้วจิบน้ำหนึ่งอึกล้างเค็ม มันช่างเกิดความคอนทราส ให้อารมณ์การกินที่ไม่เข้าพวกอย่างร้ายแรง

หนำซ้ำ พอทำการคีบ วาง ม้วน ซดแบบนี้วนไปสามรอบ เงยหน้าขึ้นมา อ้าวว พี่ออฟฟิศที่เข้ามาพร้อมเรากินเสร็จเชคบิลไปแล้ว กว่าเราจะหมดชาม ลูกค้าเปลี่ยนหน้าเข้าออกไปสามสี่เซตได้ พี่เขามาไวเคลมไวกันจริงๆค่ะ (ได้แต่สงสัยแล้วฮัมเพลงในใจว่า เขาทำได้อย่างไรรร เขาทัมมมมมได้อย่างไรรรร - ทำน้องเพลงพี่เจมส์เรือง)

นอกจากสกิลการกินที่มาเหนือแล้ว สกิลการดื่มของพี่ๆชาวญี่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้า คือดื่มกันหนักดื่มกันแบบไม่แคร์อนาคตตตต

ตกใจมากตอนเจอพวกพี่ๆเขาเมาหลับคาสถานี เละๆเทะๆ นอนไหลแบบให้ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น ที่งงคือมันดูเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่นี่ ทุกคนดูชินชา แต่ว่าไม่ใช่สำหรับเราาา (ฮือออออ ยอมแล้วให้กับความที่สุดของประเทศนี้)


ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเสน่ห์ของคนญี่ปุ่นที่เราชอบ เป็นประเทศที่ขึ้นให้สุดต้องลงให้มิดที่แท้ทรู คาดว่ามาอีกก็คงจะเจอเรื่องอะไรเซอร์ไพรส์ๆให้เอามาเล่าอีกไม่น้อย 

Comments

Popular Posts